วันศุกร์, ตุลาคม 28, 2548

Pai ไปเที่ยวมาแล้ว

ไปเที่ยว อ.ปาย กลับมาตั้งแต่วันพุธแล้วละ รูปยังไม่ได้ล้างเลย ...
มันเริ่มจากผมอยากไปเที่ยวก่อนที่ วันที่ 1 นี้เพราะว่ามันจะเป็นวันเปิดเรียนของผม จึงชวนเพื่อนๆไป แต่ว่า ไม่มีใครว่างเลย สรุปง่ายๆว่าไปกะไอ้แต๊ก 2 คน ตอนแรกๆไอ้ X บอกจะไปแต่ตอนเช้าก็ไม่ไป .. ผมไปจองตั๋วตอน 1 ทุ่ม ่ก่อนไปก็นัดไปเจอไอ้แต๊กที่ Central ลาดพร้าว นั่งกิน Starbuck ก่อนจะออกเดินทางจาก Central ไปหมอชิต ด้วยความเร่งรีบ .. รถติดกระจาย แล้วก็ออกเดิน ระหว่างทางเค้าเปิด VCD ให้ดูแต่ผมไม่ดูครับ คุยกะไอ้แต๊กจนข้างหลังรำคาญ คือตอนแรกๆป้าแกบอกให้ผมเอนเบาะมาข้างหลังจะดูคดีเด็ด ผมก็เอนตามป้าแกบอก แต่ไอ้แต๊กแม่งชวนคุย เสียงดังอีก ... ป้าแกดูรู้เรื่องก็บ้าละ ...เลยเหลือบๆไปดูอีกที นอนซะงั้น .. แล้วก็เดินไปทางไปถึง เชียงใหม่ตอนตี 5 .. ลงมาจากรถด้วยอาการง่วง เพราะว่าคุยกันถึงตี 2 .. สรุปว่านอน 3 ชม. พอมาถึงอาเขต แล้วก็กะว่าจะหารถไป อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน คนแถวนั้นบอกว่า 8 โมงโน่นถึงจะมีรถ ...... ไอ้แต๊กหันหน้ามาถามว่า "แล้วจะให้ทำเฮี้ยอารายรอละสาดดดด" ผมเลยนั่งอยู่อย่างเบื่อหน่าย จนถึง 6 โมงเช้า ก็เดินไปดูรถตู้กัน แล้วเจ้าของรถก็บอกราคาค่าเดินทาง ผมกับมันก็ถามเวลาออก อะไรเรียบร้อย สรุปว่าออกเดินทาง 7 โมงเช้า ระหว่างนั้นเลยไปหาอะไรกินกัน ได้กาแฟมาแก้วหนึ่งจิบแถวๆนั้นเหละ แล้วผมก็ไปจองตั๋วกลับ จองไว้ก่อนเผื่อพลาด แล้วก็ออกเดินทาง ..... ในรถตู้มีสาวน่ารักนั่งมาด้วย 1คน ...โอ้จอร์จ ... แล้วเมื่อรถออกเดินทางไปได้สัก 60 กม. ก็เริ่มขึ้นเขา ขอบอกว่า สุดตีนนนนนนนนนนนนนน ทางแบบว่าโค้งเยอะมากถ้าจะให้นับ น่าจะเกิน 500+ โค้ง ผมเฉลี่ยว่า 1 กม.เนี่ยมีประมาณ 10 โค้ง เหลือระยะทางราวๆ 60 กม. ก็น่าจะประมาณนั้น ..... แต่ไอ้ 500 โค้งเนี่ยขอบอกเลยว่าโค้งหักศอกซะ 40 % โอ้ววว ใครเมารถง่ายๆเนี่ยจะเป็นอะไรที่ทรมานมาก แล้วก็ไปถึง ที่หมาย ......ประมาณ 11 โมง

พอไปถึงแล้วก็ไปหาอะไรกินก่อน มองดูเมนู โอ้วววว ทำไมมีแต่อาหารฝรั่ง แล้วผมก็มองไปรอบๆตัวเอง เออวะมีแต่ฝรั่งวะ ... แล้วก็สั่งอาหารมากิน ..เออวะรสชาดมันใช้ได้ทีเดียว อิ่มแล้วก็เดินไปร้านด้านข้างเช่า รถมอไซต์ ราคา 120 บาทต่อ 1 วัน ..น้ำมันเติมเอง เพราะกะจะไปหาที่พัก แล้วก็บิ่งรถออกไปตามป้าย ... ผมไปดู 12 ปันนา. บ้านกระทิง เบลรีสอร์ท และอื่นๆ คือแต่ละที่มันไม่ใกล้กันเลยนะ เดินเอานี่ไม่ไหว แล้วกว่าจะหาเจอนี่คือเป็นอะไรที่แบบว่า งง มาก เพราะผมกะไอ้แต๊กมักคิดว่าหลงทางแล้ว แล้วเราก็ขับกลับมาถามคนแถวๆนั้นเค้าเลยบอกว่ายังไปไม่ถึง เป็นแบบนี้หลายรอบมาก .. จนสุดท้ายบอกกับมันว่า อย่าคิดไปเองว่าเราหลงทางแค่เราไปไม่ถึงมัน ใช่ว่าจุดหมายจะไม่มี อย่าไปท้อ เอามาเป็นคติประจำใจได้เลยนะเนี่ย.... แต่ว่าที่โชคร้ายคือ ที่ๆเราไปหาทั้งหมดนั้นโดนน้ำท่วม ซัดไปหมดแล้ว และเค้าทำการซ่อมแซมกันอยู่ ...

ผมเลยเดินทางกลับมายังในตัวเมือง (เมืองมันเล็กมากๆ) เลยไปหาที่พักในเมืองและเราก็ได้ที่พัก แต่ราคาก็ค่อนข้างแพงนะ แต่ดูสภาพห้องการบริการ อะไรก็ ok เลย เ้ราตกลงจะพัก 2 คืน(จ่ายไป 2000) เราก็ได้พักที่ ริมปายคอทเทจ .. แล้วก็เข้าที่พักไปอาบน้ำ ..แล้วก็เผลอหลับไป ตื่นมาอีกทีบ่ายกว่าๆ เลยออกไปหาอะไรทำ แต่ก็ไม่ค่อยจะมีอะไรทำ ก็เดินไปถ่านรูปในเมืองซะส่วนใหญ่ ร้านที่นี่แนวมากๆ ร้านพวกบาร์ อะไรแบบนี้เยอะมาก แต่ตกแต่งแบบว่าแนวๆ ออกอาร์ตๆ ไม่รู้สิผมว่ามันได้อารมณ์มากๆ แ้ล้วก็มีพวกแกลอรี่พอสมควร ผมว่าถ้าเทียบสัดส่วนแล้ว ถือได้ว่าที่นี่เป็นเมืองศิลปะก็ว่าได้ อยากให้มีแบบนี้หลายๆเมือง .. เลยไปเดินดูวัด ผมเจอคนญี่ปุ่น 2 คนที่นี่ครับเค้าชื่อ Toron กับ Reike(น่ารักมากๆ) เป็นชาวญี่ปุ่นที่มาอยู่ที่นี่ได้ 4 ปีแล้วครับ การแต่งตัวของเค้านั้นแนวมาก อารมณ์แบบว่าศิลปินสุดๆ เค้ามาทำอะไรนะหรือครับ เค้ามาเล่นดนตรีให้กับพระพุทธรูปฟังครับ สุดตีนนน Toron เค้าเล่นขลุ่ยหรือปี่นี่เหละ ... แต่ Reike สิครับเล่นแคนครับ ใช่แล้วเล่นแคนจริงๆ อย่าง งง ..... วัยรุ่นงง ... ผมถามว่าเล่นเป็นหรือเค้าบอกว่าเล่นไม่เป็นหรอก ..เค้าเป่าเอาแค่บางโน๊ต แต่ผมฟังแล้วมันเข้ากันกับดนตรีที่ Toron เล่นได้อย่างดีจริงๆ .. เค้าทำนาเป็นอาชีพครับ คุยกันสักพักก็กลับ (ญี่ปุ่นนี่แม่งบ้าพลังวะ)

ตกดึกมาผมไปเที่ยวกลางคืน .. ฝรั่งเยอะจัด ผมถามร้านที่จะไปเที่ยวเค้าบอกว่าให้ไป BeBob ผมก็ไป โอ้ววว มันสุดตีน ชิวมาก แต่มีฝรั่งซะ 80 % เพลงที่เล่นออกแนวๆ Blue แล้วก็ Ragge อะไรแบบนั้น ... ขอออกมาเย็ดเข้ เด็กดอยตีกัน ... เอาขวดข้างกันด้วย โหดแสดดดด ..... นั่งนึกๆกะไอ้แต๊ก แม่งซวยแล้วรถมอไซต์มีก็ไม่เอามา เกิดเดินกลับตอนนี้แม่งจะคิดว่ากูเป็นพวกมันไม๊น้า ...เซ็งสาดด รอจนเหตุการสงบ (เค้าโทรไปเรียกตำรวจแล้ว แต่ไม่เห็นโผล่มาเลย อ๋ออ ขอบอก..กัญชาท่าทางจะสูบกันในนี้เยอะ ได้ฟุ้งกลิ่นเลย) แล้วก็กลับไปนอน

ตั้งนาฬิกาไว้ 6.00 แต่ตื่นจริงๆ 9.00 โอ้ววว ว่าจะมาตลาดดันไม่ทันซะงั้น ... ผมเลยอาบน้ำและไปกินอาหารเช้า เสร็จแล้วก็วางแผนออกเดินทางไปเที่ยว หลังจากนั้นสวมวิญญาณรอซซี่บิิดมอร์ไซต์ ไปเที่ยวต่อ จุดหมายแรกที่ผมไปก็คือ หมู่บ้านชาวจีนยูนหนาน อืมม ที่นี่อาหารเค้าบอกอร่อยแต่ผมไม่ได้กินดูราคามันก็แพงวะ แวะชมสักพักก็ได้คุยกะชาวบ้านพบว่าแม่น้ำที่เราผ่านมากที่มีโขดหินใหญ่มากๆเนี่ย จริงๆแล้วแต่ก่อนไม่มีเป็นลำธารเล็กๆ ไหลผ่าน แต่ว่าน้ำท่วมเลยพัดเอาก้อนหินขนาดใหญ่มากๆลงมาด้วย ผมเลยหายสงสัยแล้วละว่าทำไมสะพานที่สร้างด้วยปูนแข็งแรงมันถึงได้พัง เค้าบอกว่าแต่ก่อนมีโบสคริสอยู่ด้วยแต่ตอนนี้ไม่เหลือซาก โดนก้อนหินที่มากับน้ำเข้าทำลายไปแล้ว ...... ฟังแล้วก็เศร้าแทนนะ เค้าบอกว่านี่รุนแรงที่สุดในรอบ 30 ปีเลยทีเดียว ... ไร่นาพังหมด

แล้วก็ออกเดินทางไปต่อที่ น้ำตกหมอแปง ... กว่าจะไปถึง อีก 3 กม. ทางขึ้นเขาด้วยนะ ยังไม่ชินเลยกับการบิดขึ้นลงเขาเนี่ย ..... พอไปถึงน้ำตกมันก็ไม่ไ้สวยเมือนเมื่อก่อนสักเท่าไหร่ เพราะว่ามีก้อนหินขนาดใหญ่ที่มากับน้ำพังลงมาด้วย สภาพแถวๆนั้นก็เลยดูเป็นแปลก ..... แล้วก็ถ่านรูปเด็ก(น่าจะเป็นพวกยูนหนาน)เล่นน้ำ แถวๆนั้น แล้วสักพักก็มีฝรั่งมา ยังไม่ทันไรก็ถอดเสื้อผ้าเหลือแต่บิกินี่ลงเล่นน้ำซะงั้น ... แล้วหลังจากนั้นก็ไปพักกินข้าวที่ร้านอาหารของคนจีนนั่นเหละ แต่ก็อย่างว่าเมนูมันแพงเลยสั่งก๋วยเตี๋ยวยูนนานมากิน ก็ไม่ได้ต่างอะไรกะก๋วยเต๊่ยวต้มยำบ้านเราเลย ...

แล้วผมก็เดินทางไปต่อที่ บ่อน้ำพุร้อน กว่าจะไปถึงก็เดินทางจากยูนหนานเข้าเมืองก็ 3 กม. จากเมืองไปน้ำพุก็อีก 6 กม. โอ้ววว ... แล้วผมก็ไปถึงพอไปถึงก็เจออีกแล้วครับ ญี่ปุ่นทางทางจะอยู่มานานแล้วเอาหินมาก่อนเป็นบ่อแช่น้ำพุร้อนครับ ........ ให้ตายเถอะชิวเกินเหตุแล้วพ่อ .... ส่วนคนไทยที่ไปก็มีลงไปอาบบ้าง แต่ส่วนมากเอาเท้าแช่น้ำ .. ผมก็ลองไปแช่ดูมันก็ร้อนนะ สงสัยผมจะไม่ชินกะน้ำพุร้อน ...แต่ญี่ปุ่นแม่งลงไปนอนแช่ซะงั้น (ไม่ได้แช่ในบ่อนะ มันเป็นลำธารไหลลงมาอีกทีแต่ก็ร้อนอะ .. ถ้าแข่ในบ่อเลยนี่สุกแน่ๆ 80 องศา C. แหนะ) แล้วผมก็ออกมาว่าจะไปร้าน Deldoi อะไรสักอย่าง มันเป็นบรรยากาศแบบ Panorama คือร้านมันอยู่ที่สูงครับมองลงมาเห็นทิวทัศน์สวยงามมาก ชิวมากมาย .. แล้วเราก็จะไปเที่ยวที่น้ำตกอีกที่ต่อ แต่ว่าทางเข้านั้นลำบากมาก มันไม่มีถนนครับเป็นทางประมาณคันนาอะไรแบบนั้น ผมไปได้สักพักเลยถามไอ้แต๊กว่า "มาได้ ไม่ถึงโลเลย กว่าจะถึง 6 กิโล.นี่กูว่ากูเป็นหมันก่อนแน่ กูว่าทางมันไม่ใช่หรอกวะ" แล้วผมก็กลับ แต่ก็ไปเจอชาวบ้าน เลยถามทางเค้าบอกว่า เออทางนั้นเหละใช่แล้ว แต่ว่าเอารถเข้าไปไม่ถึงที่นะ ต้องจอดแล้วก็เดินไปเอง ..... โอ้วววว 6 กิโล เลยเนี่ยนะ เข้าป่าไปเลยอะดิ ..."ไปตอนนนี้กลับมาไม่ทันหรอก ไว้ค่อยไปตอนเช้า" ... สรุปว่าผมเลยไม่ไป เราก็กลับบ้านพัก มาคิดว่าจะทำไงต่อ ...... ตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวว่า...เออช่างแม่งซื้อเบียร์มากินดีกว่าค่อยว่ากัน แล้วเราก็นั่งจิบเบียร์ กลางคืนก็ไป BeBob ตามเคย มันส์อีกแล้ว

ตื่นเช้ามาก็เก็บของกลับ แล้วผมก็มาเที่ยวเชียงใหม่ต่ออีก 1 วันแทบจะไม่ได้ทำอารายเลยที่เชียงใหม่ไปเที่ยวกลางคืนมา ที่ร้าน Monkey ขอบอกว่าสาวเชียงใหม่น่ารักมากๆ
แล้วขากลับจิ๊บเลยโทรมาบอกว่าจะพาไปกินข้าวก่อนไป ... กว่าจะได้เจอนานจังแม่คุณ ... เลยไปกินข้าวที่ร้าน Good View บรรยากาศดีครับ น่านั่งแล้วผมก็เดินทางกลับมาถึง กทม. ในเช้าวันพุทธ

2 Comments:

Anonymous ไม่ระบุชื่อ said...

อยากมีการเดินทางแบบนี้บ้างแฮะ
แต่ตอนนี้มีข้ออ้างเยอะแยะ เลยไม่ได้ทำซะที
เบื่อตัวเองเหมือนกันแฮะ

1:39 หลังเที่ยง

 
Blogger Hydra02 said...

เจ๋งดีหวะ *w *

มีอารยธรรมหลายชนชาติปนกันขนาดนั้นเลยเหรอฟะ

ไว้จะลองไปดู ^^

9:40 หลังเที่ยง

 

แสดงความคิดเห็น

<< Home